หมวด 1 ชื่อและวัตถุประสงค์ |
|
ข้อ 1 | สมาคมชื่อ “สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์” เรียกและเขียนชื่อย่อว่า “สมธ” มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Thammasat Association” |
ข้อ 2 | เครื่องหมายของสมาคม ประกอบด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ และรัศมีอยู่บนรูปโล่ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญวางบนพานแว่นฟ้า ล้อมด้วยวงกลมรูปธรรมจักรมีชื่อ “สมาคมธรรมศาสตร์” ล้อมรอบ วงกลมภายใต้โล่มีข้อความ “ในพระบรมราชูปถัมภ์” |
ข้อ 3 | สมาคม ตั้งอยู่เลขที่ 99 ซอยงามดูพลี ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 |
ข้อ 4 | สมาคมมีวัตถุประสงค์
(1)ส่งเสริมสามัคคีธรรม และผดุงเกียรติของมวลสมาชิก |
หมวด 2 สมาชิก |
|
ข้อ 5 | สมาชิกของสมาคมมี 3 ประเภท
(1) สมาชิกสามัญ ได้แก่
(2) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการของสมาคม เชิญเข้าเป็นสมาชิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนคณะกรรมการของสมาคม |
ข้อ 6 | ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามัญ หรือสมาชิกสมทบ ให้ยื่นใบสมัครต่อเลขาธิการ เมื่อเลขาธิการตรวจสอบแล้วเห็นว่า บุคคลผู้ประสงค์จะเข้าเป็นสมาชิกมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ ให้เลขาธิการรับรองใบสมัครนั้นและแจ้งให้ผู้สมัครทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ให้เลขาธิการนำใบสมัครนั้นเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อทราบในโอกาสแรกที่กระทำได้เมื่อมีการประชุมคณะกรรมการ ค่าธรรมเนียมในการสมัครเป็นสมาชิกให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด |
หมวด 3 สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก |
|
ข้อ 7 | สมาชิกมีสิทธิใช้สถานที่ สโมสร สนามกีฬา และอื่นๆ ของสมาคม ตามระเบียบ ที่คณะกรรมการกำหนดไว้ |
ข้อ 8 | สมาชิกมีสิทธิที่จะเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญ และประชุมใหญ่วิสามัญทั้งมีสิทธิขอรับทราบ หรือตรวจดูกิจการ บัญชีการเงิน การทะเบียนของสมาคมได้แต่ต้องยื่นความจำนงเป็นหนังสือต่อคณะกรรมการล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 10 วัน |
ข้อ 9 | สมาชิกอาจแสดงความคิดเห็นเป็นหนังสือเกี่ยวด้วยกิจการของสมาคมส่งไปยังคณะกรรมการเมื่อไม่ได้รับความเห็นชอบหรือไม่พอใจในผลแห่งการพิจารณา จะเสนอต่อที่ประชุมใหญ่คราวต่อไปก็ได้ แต่ต้องยื่นความประสงค์เป็นหนังสือต่อเลขาธิการก่อนการประชุมไม่น้อยกว่า 10 วัน |
ข้อ 10 | สมาชิกจะได้รับบัตรประจำตัว ซึ่งออกให้โดยสมาคมตามระเบียบที่คณะกรรมการจะได้กำหนด ในการติดต่อกับสมาคมด้วยตนเอง ให้แสดงบัตรประจำตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของสมาคมทุกครั้ง ในกรณีที่สมาชิกติดต่อกับสมาคมทางหนังสือ ให้แจ้งชื่อ หมายเลขทะเบียน ให้ทราบด้วย สมาคมจะเรียกบัตรประจำตัวคืน เมื่อสมาชิกผู้นั้นขาดจากสมาชิกภาพ |
ข้อ 11 | สมาชิกมีหน้าที่ดังต่อไปนี้
(1) ปฏิบัติตามข้อบังคับ และระเบียบของสมาคม |
หมวด 4 การขาดจากสมาชิกภาพ |
|
ข้อ 12 | สมาชิกขาดจากสมาชิกภาพเมื่อ (1) ตาย (2) ลาออก (3) ถูกลบชื่อจากทะเบียน ให้นายทะเบียนโฆษณารายชื่อผู้ที่ขาดจากสมาชิกภาพเป็นคราวๆไป |
ข้อ 13 | สมาชิกผู้ใดประสงค์จะลาออกจากสมาชิกภาพต้องแจ้งความประสงค์เป็นลายลักษณ์อักษรไปยังเลขาธิการ เมื่อเลขาธิการได้รับแจ้งแล้วให้นำเสนอคณะกรรมการเพื่อทราบ |
ข้อ 14 | สมาชิกอาจถูกคณะกรรมการมีมติลบชื่อออกจากทะเบียน ในกรณีต่อไปนี้ (1) กระทำความผิดถึงต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาของศาลทั้งนี้ไม่รวมถึงความผิด ลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดทางการเมือง (2) ประพฤติตนในทางที่อาจนำความเสื่อมเสียมาสู่สมาคม คะแนนเสียงของคณะกรรมการในการลบชื่อสมาชิกต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการของสมาคม |
ข้อ 15 | สมาชิกผู้ถูกลบชื่อไม่มีสิทธิสมัครเป็นสมาชิกอีกจนกว่าจะพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ถูก ลบชื่อ ถ้าคณะกรรมการมีมติไม่ยอมรับผู้นั้นเป็นสมาชิกถึงสองคราวแล้ว ผู้นั้นหมดสิทธิที่จะขอเป็นสมาชิกอีกต่อไป |
หมวด 5 คณะกรรมการ |
|
ข้อ 16 | คณะกรรมการของสมาคมประกอบด้วยนายกสมาคม และกรรมการของสมาคม |
ข้อ 17 | นายกสมาคมต้องได้รับเลือกตั้ง โดยเสียงข้างมากของที่ประชุมใหญ่ และดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี ให้นายกสมาคมแต่งตั้งกรรมการสมาคมจากสมาชิกสามัญอีกไม่น้อยกว่า 15 คน และไม่เกิน 30 คน ให้ดำรงตำแหน่งอุปนายก เลขาธิการ เหรัญญิก นายทะเบียน ปฏิคม บรรณกร บรรณรักษ์ ปาฐกถาและโต้วาที ประชาสัมพันธ์ และตำแหน่งที่เรียกชื่อเป็นอย่างอื่นตามแต่จะเห็นสมควร ถ้าตำแหน่งนายกสมาคมว่างลง ให้อุปนายกรักษาการแทน ถ้ากรรมการว่างลงก่อนถึงกำหนดนายกสมาคมอาจแต่งตั้งสมาชิกสามัญเข้าดำรงตำแหน่งแทน และให้กรรมการผู้ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเพียงระยะเวลาของผู้ที่ตนแทน คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งอยู่ในตำแหน่งเท่ากับระยะเวลาดำรงตำแหน่งของนายกสมาคม นายกสมาคมซึ่งได้รับการเลือกตั้งและกรรมการจะต้องรับมอบงานจากนายกสมาคมคนเก่าและกรรมการภายใน 1 เดือน นับแต่วันได้รับเลือกตั้ง ทั้งนี้นายกสมาคมคนเก่าและกรรมการจะต้องส่งมอบงานเมื่อนายกสมาคมคนใหม่และกรรมการแสดงความจำนงจะเข้ารับงาน |
ข้อ18 | คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษาจากสมาชิกสามัญอันสมควรแก่ตำแหน่งที่ปรึกษาของสมาคมตามจำนวนที่เห็นสมควร การลงมติแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษาของสมาคม ต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการ กรรมการที่ปรึกษาอยู่ในตำแหน่งเท่ากับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการที่แต่งตั้งตน กรรมการที่ปรึกษาไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในการประชุมคณะกรรมการ |
ข้อ 19 | คณะกรรมการมีอำนาจและหน้าที่ในการดำเนินกิจการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม และภายใต้ข้อบังคับนี้ ให้มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) กำหนดนโยบายของสมาคม และดำเนินงานตามนโยบายนั้น (2) ควบคุมการเงินและทรัพย์สินต่างๆ ของสมาคม (3) ดำเนินการให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ และวัตถุประสงค์ของข้อบังคับนี้ (4) ตราระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของสมาคม (5) แต่งตั้งหรือถอดถอนคณะอนุกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง หรือหลายคณะ เพื่อดำเนินการเฉพาะอย่างของสมาคม ภายใต้การควบคุมของคณะกรรมการ (6) เชิญผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ (7) การอื่นใดที่จำเป็นในการดำเนินกิจการของสมาคมตามวัตถุประสงค์ |
ข้อ 20 | คณะกรรมการอาจสั่งตั้งสาขาสมาคมหรืออนุกรรมการหรือผู้แทนของสมาคมเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสมาคม |
ข้อ 21 | เมื่อนายกสมาคมตั้งกรรมการแล้ว ให้จดทะเบียนภายในกำหนด 14 วัน นับแต่วันที่แต่งตั้ง |
ข้อ 22 | นายกสมาคมจะให้กรรมการเจ้าหน้าที่ผู้ใดพ้นจากตำแหน่งที่แต่งตั้งและตั้งกรรมการอื่นแทนก็ได้ กรรมการเจ้าหน้าที่ที่พ้นจากตำแหน่งยังคงเป็นกรรมการของสมาคมอยู่ |
ข้อ 23 | กรรมการออกจากตำแหน่งโดยลาออกหรือขาดจากสมาชิกภาพต้องรักษาการอยู่จนกว่าจะมีกรรมการใหม่มารับหน้าที่ และให้กรรมการใหม่เข้ารับงานภายใน 1 เดือน นับตั้งแต่มีการแต่งตั้ง |
ข้อ24 | นายกสมาคมมีอำนาจ และหน้าที่ควบคุมกิจการของสมาคมให้ดำเนินไปตามระเบียบข้อบังคับและมติของคณะกรรมการ และมีอำนาจแต่งตั้งบังคับบัญชาลงโทษ ถอดถอนพนักงานของสมาคม |
ข้อ 25 | นายกสมาคมเป็นประธานในที่ประชุมทุกประเภท ถ้านายกสมาคมไม่อยู่ ให้อุปนายกสมาคมเป็นประธานแทน ในกรณีที่นายกสมาคมและอุปนายกสมาคมไม่อยู่ให้เลขาธิการสมาคมเป็นประธานแทน |
ข้อ 26 | เลขาธิการของสมาคม หรือผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมเป็นเลขานุการในที่ประชุมทุกประเภท มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดการประชุม จัดระเบียบวาระการประชุม บันทึกรายงานการประชุมเก็บไว้เป็นหลักฐาน และงานอื่นใด ซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของกรรมการตำแหน่งต่างๆ ตามที่นายกสมาคมมอบหมาย หากเลขาธิการสมาคม หรือผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมไม่อยู่ ให้นายกสมาคมตั้งกรรมการอื่นปฏิบัติหน้าที่แทน |
ข้อ 27 | ให้นายกสมาคมเรียกประชุมคณะกรรมการอย่างน้อย 1 ครั้ง ในทุกๆ 3 เดือน |
ข้อ 28 | การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนคณะกรรมการ จึงจะถือเป็นองค์ประชุม |
ข้อ 29 | นอกจากจะได้บังคับไว้เป็นอย่างอื่น มติของที่ประชุมคณะกรรมการให้ถือตามคะแนนเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานมีคะแนนเสียงอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด การลงคะแนนเสียงในที่ประชุมคณะกรรมการนั้นให้ใช้วิธียกมือ แต่ถ้ากรรมการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปร้องขอให้ลงคะแนนลับ ก็ให้ประธานถามที่ประชุม และให้ที่ประชุมคณะกรรมการลงมติว่าจะมีการลงคะแนนเสียงลับ หรือไม่ |
ข้อ 30 | กรรมการ 1 ใน 3 ของคณะกรรมการมีสิทธิขอให้เรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องสำคัญ และรีบด่วนเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของสมาคม ให้นายกสมาคมเรียกประชุมคณะกรรมการตามคำขอ โดยนัดหมายให้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน |
หมวด 6 การเงินและการบัญชี |
|
ข้อ 31 | คณะกรรมการมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการเงิน และบัญชี ในการนี้ต้องจัดให้มี (1) บัญชีแสดงจำนวนเงินที่สมาคมได้รับ และจ่าย ทั้งรายการอันเป็นเหตุให้ได้รับหรือจ่ายเงินทุกรายการ (2) บัญชีแสดงจำนวน และมูลค่าของทรัพย์สิน และหนี้สินของสมาคม (3) การสำรองเงินไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของรายได้ประจำปี |
ข้อ 32 | เหรัญญิกมีหน้าที่รับจ่ายเงินของสมาคม จัดทำและเก็บรักษาบัญชีตาม ข้อ 31 พร้อมด้วยใบสำคัญ และหลักฐานแสดงการรับและจ่าย ทำงบแสดงฐานะการเงิน ให้เหรัญญิกจัดทำงบแสดงฐานะการเงินทุกเดือน และเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการทุกครั้งที่มีการประชุม |
ข้อ 33 | เหรัญญิกเก็บรักษาเงินสดไว้ได้ไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนที่เกินให้นำฝากธนาคารที่คณะกรรมการกำหนดในวันทำการรุ่งขึ้น ในนามของสมาคม |
ข้อ 34 | การลงนามในเช็คเพื่อจ่ายเงินของสมาคม ให้นายกสมาคมหรือ ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายกสมาคมกับเหรัญญิกลงนามร่วมกัน |
ข้อ 35 | ให้เหรัญญิกมีหน้าที่ควบคุมการเงิน ทรัพย์สินของสมาคม ตลอดจนการบัญชี และเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องและให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด |
ข้อ 36 | การซื้อหรือจำหน่ายทรัพย์สินของสมาคม ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด |
ข้อ 37 | ให้วันที่ 30 กันยายน เป็นวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีประจำของสมาคม คณะกรรมการต้องจัดทำงบแสดงฐานะทางการเงินของสมาคมที่ผ่านการตรวจสอบของ ผู้สอบบัญชีแล้ว เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ทุกรอบระยะเวลาบัญชี |
ข้อ 38 | ให้ที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งผู้สอบบัญชี และที่ประชุมใหญ่เป็นผู้กำหนดสินจ้างผู้สอบบัญชี ต้องมิใช่กรรมการหรือผู้มีส่วนได้เสียในกิจการของสมาคม ในกรณีที่ตำแหน่งผู้สอบบัญชีว่างลงระหว่างปีให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือกตั้งผู้สอบบัญชีแทน ผู้สอบบัญชีคนใหม่ อยู่ในตำแหน่งเพียงระยะเวลาของผู้ที่ตนแทน |
หมวด 7 การประชุมใหญ่ |
|
ข้อ 39 | คณะกรรมการต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญปีละครั้ง ภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ครบรอบปีการบัญชี |
ข้อ 40 | คณะกรรมการต้องแจ้งวันนัดประชุมให้สมาชิกทราบก่อนหน้าการประชุมไม่น้อยกว่า 15 วัน โดยวิธีการต่อไปนี้อย่างน้อย 2 วิธี (1) ประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง (2) ประกาศทางวิทยุกระจายเสียงไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง (3) ส่งหนังสือถึงสมาชิกทุกคนโดยทางไปรษณีย์ (4) วิธีอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการเห็นชอบ |
ข้อ 41 | ให้นายกสมาคม ปิดประกาศสำเนางบแสดงฐานะการเงิน ไว้ ณ ที่ทำการสมาคม ก่อนหน้าการประชุมใหญ่สามัญไม่น้อยกว่า 7 วัน |
ข้อ 42 | การประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิก ซึ่งมีสิทธิ์ออกเสียง มาประชุมไม่น้อยกว่า 50 คน จึงจะเป็นองค์ประชุม |
ข้อ 43 | ที่ประชุมใหญ่มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้ (1)เลือกตั้งนายกสมาคม และผู้สอบบัญชี (2)พิจารณางบแสดงฐานะการเงินของสมาคม (3)พิจารณาเรื่องที่คณะกรรมการนำขึ้นปรึกษา (4)พิจารณาข้อเสนอของสมาชิกซึ่งยื่นไว้ตามข้อบังคับนี้ |
ข้อ 44 | สมาชิกสามัญมีสิทธิลงคะแนนเสียงคนละหนึ่งเสียง การออกเสียงลงคะแนนเป็นสิทธิเฉพาะตัว จะแต่งตั้งตัวแทนมิได้ สมาชิกสมทบ และสมาชิกกิตติมศักดิ์ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน |
ข้อ 45 | การออกเสียงลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่ให้ใช้วิธียกมือ เว้นแต่สมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกในที่ประชุม ร้องขอให้ลงคะแนนลับก็ให้จัดให้มีการลงคะแนนลับ |
ข้อ 46 | คณะกรรมการอาจเรียกให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ สมาชิกไม่น้อยกว่า 50 คน อาจร้องขอให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญให้นายกสมาคมเรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำร้องนั้น |
ข้อ 47 | มติที่ประชุมใหญ่ให้ถือตามเสียงข้างมาก หากคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงชี้ขาด |
ข้อ 48 | การประชุมใหญ่เพื่อแก้ข้อบังคับ จะต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่า 100 คน มติให้แก้ข้อบังคับต้องมีคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม ให้คณะกรรมการส่งร่างข้อบังคับที่แก้ไข พร้อมทั้งเหตุผลไปยังสมาชิกโดยทางไปรษณีย์ล่วงหน้าก่อนวันกำหนดวันประชุมใหญ่ ไม่น้อยกว่า 15 วัน ในกรณีที่สมาชิกมาประชุมไม่ครบองค์ประชุมตามวรรคหนึ่ง หากแต่ว่ามีสมาชิกใช้สิทธิลงคะแนนเสียงล่วงหน้าก่อนวันประชุมใหญ่ เห็นชอบตามร่างข้อบังคับที่แก้ไขทั้งฉบับไม่น้อยกว่า 70 คน ให้ถือว่าร่างข้อบังคับที่แก้ไขดังกล่าวได้รับมติความเห็นชอบให้แก้ไขได้ |
หมวด 8 เบ็ดเตล็ด |
|
ข้อ 49 | หากสมาคมต้องเลิกไปตามกฎหมายและมีทรัพย์สินของสมาคมคงเหลืออยู่ให้ตกเป็นของมูลนิธิธรรมศาสตร์ หากมูลนิธิธรรมศาสตร์ได้เลิกไปก่อนก็ให้ตกเป็นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ผู้ชำระบัญชี จัดการชำระบัญชี และโอนทรัพย์สินดังกล่าวภายใน 6 เดือน นับแต่วันเลิกสมาคม |
ข้อ 50 | ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 7 เดือนเมษายน พุทธศักราช 2552 เป็นต้นไป |